จุดท่องเที่ยวไฮไลท์ของทริปนี้ |
1. พระราชวังอีสต้าน่าเนการ่า เป็นวังหลวงของประเทศมาเลเซีย นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาถ่ายรูปที่ด้านหน้าพระราชวังแห่งนี้ได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะเป็นพระราชวังที่ประทับของพระราชาธิบดี |
2. วัดถ้ำบาตูเคฟ เป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมาเลเซีย มีบันไดขึ้นกว่า 270 ขั้น ปัจจุบันกลายเป็นจุดเช็คอินหนึ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย |
3. ตึกปิโตนัส เป็นตึกคู่แฝดที่สูงที่สุดในประเทศมาเลเซีย เป็นตึกสแตนเลตทั้งตึก และมีห้างอยู่ในตึก เรียกว่า ห้าง KLCC |
4. สะพานซาโลมา ตั้งอยู่ใกล้กับตึกปิโตนัส เดินไปได้เพียง 10 นาที สะพานใช้ข้ามถนน และประดับไฟสวยงามมาก มีลิฟท์ขึ้นลงชั้นล่างได้ด้วย |
5. เมอร์ไลอ้อนสิงคโปร์ เป็นรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำสัญญาลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ ตั้งอยู่ตรงปากอ่าวแม่น้ำมาริน่า |
6. การ์เด้นบายเดอะเบย์ เป็นสวนไม้ขนาดใหญ่ มีต้นไม้จากทั่วโลก และตกแต่งไว้โซนต่างๆ เหมาะกับการเดินถ่ายรูป |
7. เกาะเซ็นโตซ่า เกาะที่มีความสนุกและบันเทิงที่สุดของประเทศสิงคโปร์ ที่นี่ มีทั้งสวนน้ำ ร้านอาหาร สวนสนุกยูนิเวอร์แซล |
8. ล่องเรือแม่น้ำมะละกา เพื่อความความสวยงามของวิถีชาวมาเลเซียในตัวเมืองมะละกา ถ่ายรูปจากบนเรือ และชมตึกแดง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความเจริญในเมืองมะละกา |
วันแรก |
ด่านสะเดา-บาตูเคป-พระราชวังฯ-เมอร์เดก้าแสควร์-ตึกปิโตนัส-KLCC-สะพานซาโลมา |
06.00 น. |
รับคณะที่ ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา พาคณะผ่านด่านไทย จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถบัสมาเลเซีย เพื่อเดินทางไปประทับตราหนังสือเดินทางเข้าสู่ ประเทศมาเลเซีย |
จากนั้น |
เมื่อประทับตราหนังสือเดินทางทั้งสองประเทศแล้ว ให้ท่านนั่งรถตรงสู่ กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย ระหว่างทางชมความสวยงาม 2 ข้างทางของประเทศมาเลเซีย |
เที่ยง |
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (1) จากนั้นแวะถ่ายรูปที่ ถ้ำเปรัก ซึ่งเป็นวัดจีนกลางหุบเขาหินปูนที่ตั้งอยู่ ณ เมืองอีโปร์ของประเทศมาเลเซีย เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมพาคณะเดินทางต่อ |
ถึง |
กัวลาลัมเปอร์ พาท่านเที่ยวชมจุดต่างๆ ดังนี้ |
|
1.พระราชวังอิสตานาเนการา ซึ่งเป็นพระราชวังหลวงของประเทศมาเลเซีย เมื่อท่านสุลต่านได้รับเลือกให้เป็น พระราชาธิบดี ก็จะมาอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ เดิมทีพระราชวังอิสต้านาเนการังตั้งอยู่อีกทีหนึ่ง ตามประวัติ พระราชวังอิสตานา เนการา (Istana Negara Palace)
สร้างขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1928 เดิมใช้เป็นที่พักของเศรษฐีชาวจีนชื่อ Chan Wing เมื่อญี่ปุ่นบุกในช่วงปี ค.ศ. 1942 1945 สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ทำการของทหารญี่ปุ่น หลังญี่ปุ่นถอนกำลังไป รัฐบาลเซอลาโงร์ (Selangor) ได้เข้ามาเป็นเจ้าของพระราชวังและบูรณะใหม่ให้กลายเป็นพระราชวังของ Yang di Pertuan Agong กษัตริย์แห่งมาเลเซีย
ปัจจุบัน พระราชวังแห่งใหม่ของพระเทศมาเลเซียได้ถูกเปิดใช้งานเมื่อปี 2013 และได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าพระราชวัง
และบ้างครั้งหากมาเที่ยวช่วงเวลาเปลี่ยนเวรของทหารหน้าพระราชวัง
ท่านก็จะได้เห็นพิธีการเปลี่ยนเวรยามที่น่าตื่นเต้นด้วยครับ |
|
2.วัดถ้ำบาตู ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมาเลเซีย เป็นเขาหินปูนที่ภายในมีถ้ำและเทวาลัย ตั้งอยู่ในอำเภอกมบัก รัฐเซอลาโงร์ ประเทศมาเลเซีย ชื่อของถ้ำมาจากคำภาษามลายู Batu แปลว่า หิน ชื่อดั้งเดิมของเขาบาจูคือ กาปัลตังกัง (Kapal Tanggang) ซึ่งมาจากตำนานซีตังกัง |
|
3.ลานเมอร์เดก้าสแควร์ หรือ ลานประกาศอิสรภาพ Dataran Merdeka เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของกรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) ประเทศมาเลเซีย เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ระลึกถึงการประกาศอิสรภาพของมาเลเซีย จุดเด่นของจัตุรัสนี้ คือ เสาธงชาติมาเลเซียที่สูงถึง 95 เมตร ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในโลก อาคารสุลต่านอับดุลซามัด สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2440 ตั้งชื่อตามพระนามของสุลต่านแห่งสลังงอร์ โดยใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานราชการในยุคที่อังกฤษเข้ามาปกครอง ต่อมารัฐบาลมาเลเซียใช้เป็นอาคารสำนักงานของศาลฎีกา อาคารสุลต่านอับดุลซามัค และ หอนาฬิกาสูง 40 เมตร เป็นตัวอาคารเก่าแถบ Merdeka Square ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรมแบบมัวร์ (Moorish) ส่วนที่เป็นหอนาฬิกาสูง 40 เมตรทมักจะเรียกกันว่าเป็น บิ๊กเบนของมาเลเซีย ส่วนด้านบนจะเป็นโดมขนาดใหญ่สีทอง อาคารนี้สร้างเมื่อเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ เพื่อใช้เป็นศูนย์บริหารอาณานิคมของอังกฤษ ปัจจุบันใช้อาคารที่ทำการของรัฐบาล
เมอร์เดก้าสแควร์ ชนชาติตะวันตกปกครองมาเลเซียมานานประมาณ 446 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1511 1957 โดยเปลี่ยนประเทศที่ปกครองมาทั้งชาวโปรตุเกส ชาวดัทช์ และสุดท้ายปกครองโดยสหราชอาณาจักรก่อนจะประกาศอิสรภาพ ธงของสหราชอาณาจักรได้เปลี่ยนเป็นธงชาติมาเลเซียขึ้นสู่ยอดเสาที่
จตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square) เวลาเที่ยงคืน วันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 นับแต่นั้นเป็นต้นมา สถานที่แห่งนี้ได้เป็นสถานที่สำหรับจัดพิธีสวนสนาม
และเฉลิมฉลองวันครบรอบการประกาศอิสรภาพของประเทศมาเลเซีย |
|
4.ถ่ายรูปที่ตึดแฝดปิโตนัส (Petronas Towers) พาทุกท่านมาถ่ายรูปยังมุมยอดฮิตสำหรับคนที่มาเที่ยวกรุงกัวลาลัมเปอร์ คือ ที่ตึกคู่ปิโตนัส เป็นหนึ่งในตึกแฝดที่เคยได้ชื่อว่ามีความสูงที่สุดในโลก เชื่อมต่อกันด้วยสะพานลอยฟ้า แต่ละตึกสูง 451.9 เมตร มี 88 ชั้น โดดเด่นสวยงามเหมาะสำหรับถ่ายภาพทั้งเวลากลางวันและกลางคืน หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) ประเทศมาเลเซีย |
|
5.KLCC ห้างดังในตึกปิโตนัส ที่นี่ถือเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมาเลเซีย มีสินค้าแบนด์เนมมากมาย คนมาเลเซียเรียกที่นี่ว่า Suria KLCC Mall |
|
6. Saloma Link Bridge KL ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ให้ท่านถ่ายรูปมุมสวยๆของสะพานซาโลมา ซึ่งความสวยของสะพานแห่งนี้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืนจะมีความสวยงามคนละแบบ สะพานซาโลมา ตั้งอยู่ใกล้ตึกปิโตนัสและห้าง KLCC |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (2) |
พัก |
เข้าพัก ณ ibis Styles Kuala Lumpur Fraser Business Park หรือ ระดับเดียวกัน |
วันที่สอง |
กัวลาลัมเปอร์-สตรีทอาร์ตกัวลาลัมเปอร์-ปุตราจายา-มะละกา- Dutch Square |
07.00 น. |
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (3) |
08.00 น. |
พาท่านเดินทางสู่ ย่าน สตรีทอาร์ตกัวลาลัมเปอร์ ตั้งอยู่ที่ JALAN ALOR STREET ART ซึ่งท่านจะถ่ายรูปกับรูปวาดสวยๆ มากมายใจกลางกัวลาลัมเปอร์ |
จากนั้น |
เดินทางสู่ เมืองใหม่ปุตราจายาซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองแห่งใหม่ของประเทศมาเลเซีย
ที่นี่มีอาคารรัฐสภา กระทรวงต่างๆ และทะเลสปาปุตราซึ่งมีสะพานแขวนอันสวยงาม
และแลนด์มาร์คของเมืองนี้คือ มัสยิดสีชมพู หรือ มัสยิดปุตรา เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมพาคณะเดินทางสู่ เมืองมะละกา |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (4) จากนั้นเดินทางต่อ |
ถึง |
ย่าน Dutch Square (Red Square) Melaka ให้ท่านได้ถ่ายรูป
และเดินชมความสวยงามของตึกแดง โบสถ์ คริสต์ บนเนินเขา ไครสต์เชิร์ช มะละกาเป็นโบสถ์นิกายแองกลิกันที่สร้างโดยชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 18 ในเมืองมะละกาซิตี้ ประเทศมาเลเซีย เป็นโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย
และอยู่ในเขตอำนาจศาลของอัครสังฆมณฑลภาคกลางตอนล่าง
ของสังฆมณฑลแองกลิกันแห่งมาเลเซียตะวันตก หรือ จะเลือกนั่งรถซาเล้งชมเมืองมะละการได้ตามอัธยาศัย |
จากนั้น |
เดินทางต่อสู่ ทางตอนใต้สุดของประเทศมาเลเซีย |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (5) |
พัก |
เข้าพัก ณ New York Hotel หรือ ระดับเดียวกัน |
วันที่สาม |
ยะโฮบารู-เมอร์ไลอ้อน-มาริน่าเบย์แซนด์-การ์เด้นบายเดอะเบย์-ลูกโลกสิงคโปร์ยูนิเวอร์แซล เกาะเซ็นโตซ่า-ถนนออร์ชาร์ด |
07.00 น. |
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (6) |
08.00 น. |
เดินทางสู่ ประเทศสิงคโปร์ ผ่านด่านวู้ดแลนด์ จากนั้นนั่งรถตู่สู่ จุดหมายแรกในประเทศสิงคโปร์ คือ |
|
1.เมอร์ไลอ้อนสิงคโปร์ หรือ รูปปั้นสิงโตพ่นน้ำ สัญญาลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของประเทศสิงคโปร์ |
|
2.มาริน่าเบแซนด์ ให้ท่านได้เดินเที่ยวในห้างรูปเรือลอยฟ้า หรือ จะเดินมาตรงสะพาน Helix ซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่างมาริน่าเบย์แซนด์กับเมอร์ไลอ้อน หรือสิงโตพ่นน้ำนั้นเอง |
|
3.การ์เด้นบายเดอร์เบย์ (ยังไม่รวมค่าเข้าโดม ประมาณ 28 $) เป็นสวนพันธุ์ไม้นานาชนิดที่เสร้างขึ้นมา เดินชมวิว พร้อมถ่ายรูปกับต้นไม้ ดอกไม้ (ท่านที่ไม่เข้ามีจุดให้ถ่ายรูปด้านหน้าโดมด้วย) |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (7) |
|
3.เกาะเซ็นโตซ่า ซึ่งจะรวมทุกอย่างที่มีความบันเทิงไว้ที่เกาะแห่งนี้ ให้ท่านเดินเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้ตามอัธยาศัย ก่อนที่จะแยกย้ายเดินเที่ยว เรารวมตัวกันเพื่อถ่ายรูปที่ลูกโลกด้านหน้า สิงคโปร์ยูนิเวอร์แซล ไว้เป็นที่ระลึก |
17.00 น. |
ทุกท่านมาพร้อมกันที่จุดนัดพบ เพื่อเดินทางสู่ ร้านอาหาร |
18.30 น. |
บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (8) |
พัก |
เข้าพัก ณ Hotel Chancellor หรือ ระดับเดียวกัน
พิเศษ :: โรงแรมนี้อยู่ในย่านถนนออชาร์ด ดังนั้นท่านสามารถเที่ยวย่านออร์ชาร์ดได้เองเลย.... |
วันที่สี่ |
fort canning park-น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง- Hajiand-ไชน่าทาวน์-มะละกา |
07.00 น. |
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (9) |
08.00 น. |
พาท่านเที่ยวต่อในที่ ท่องเที่ยวสิงคโปร์ ดังนี้ |
|
1. Fort canning park พาท่านไปยังจุดถ่ายรูปที่อุโมงค์ต้นไม้ ซึ่งเป็นมุมมหาชนที่ใครมาเที่ยวสิงคโปร์แล้วอยากมาถ่ายรูปที่นี่ |
|
2.น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง หรือ Suntec City เป็นน้ำพุกลางห้างใจกลางเมืองสิงคโปร์ที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง ใครได้มาชมและอธิษฐานตามความเชื่อ |
|
3. Hajiand เป็นดินแดนของชาวมุสลิมในย่าน Kampong Glam ที่นี่มีจุดถ่ายรูปกับภาพวาดฝาผนัง อาร์ทสตรีทสุดเก๋ และอาหารของทานเล่นมากมาย จนปัจจุบันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอย่างมาก |
|
4.ไชน่าทาวน์ พาท่านไปชมย่านคนจีนในสิงคโปร์ และมี พระเขี้ยวแก้วมรกต ซึ่งเป็นที่สักการะของผู้ที่นับถือด้าย ท่านเดินชมและเที่ยวในย่านไชน่าทาวน์สิงคโปร์ เลือกซื้อสินค้าราคาถูก อาหาร และเดินชิมอาหารท้องถิ่นได้ตามอัธยาศัย |
เมื่อ |
ได้เวลาที่เหมาะสมพาคณะเดินทางเข้าสู่ ฝั่งมาเลเซีย |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร ฝั่งมาเลเซีย (10) จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองมะละกา |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (11) |
พัก |
เข้าพัก ณ Ecotree Malaka หรือ ระดับเดียวกัน |